ร่าง รธน ใหม่ ร่างอย่างไร ไทยถึงพ้นวิกฤต
ขออภัยครับ ไม่ใช่คำถาม แต่อยากเสนอ ความคิดเพื่อการร่างรัฐธรรมนูญครับ
ปัญหาของประชาธิปไตยในประเทศไทย คือการใช้ประชาธิปไตยเพียงแค่อ้างเพื่อให้มีการเลือกตั้ง แล้วอาศัยความไม่พร้อมของคนในสังคมที่จะมีวุฒิภาวะที่ดีในการเลือกผู้แทน โดยการ "อ่อยเหยื่อ" ให้ผลประโยชน์ต่างๆ เพื่อซื้อเสียง ให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ แล้วจากนั้นก็ยึดอำนาจ ทุจริต คอรัปชั่น กอบโกย เสียยิ่งกว่ายุคเผด็จการ โดยซ่อนในคราบเสื้อคลุมคำว่าประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตในสังคม เกิดการรัฐประหารตามมา แล้วกลุ่มโจรในเสื้อคลุมประชาธิปไตยก็จะออกมาเรียกร้องเพื่อให้มีการเลือกตั้งเพื่อกลับเข้าสู่อำนาจ แล้วเริ่มวังวนแห่งวิกฤตนี้อีกครั้ง
ดังนั้น การตัดวังวนวงจรอุบาทว์นี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าการเลือกตั้งวิธีที่ใช้กับสังคมที่คนจำนวนมากยังขาด "วุฒิภาวะ" ทางการใช้อำนาจอธิปไตย ยังเป็นอยู่อย่างเดิมๆ
การให้นักเรียนอนุบาลออกเสียงเลือกผู้แทนหรือเลือกครู อาจสุดท้ายได้ผู้แทนที่ตามใจจนนักเรียนไม่ต้องเรียน กินแต่ขนมไม่มีคุณค่าทางอาหารก็ได้
การกำหนดอายุขั้นต่ำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็เป็นความพยายาม เป็นเกณฑ์ที่พยายามบอกว่า คนโตแล้ว มีวุฒิภาวะทางการเมืองดีพอที่จะรู้จักสิทธิและความรับผิดชอบในการเลือกตั้ง แต่ความจริงก็ปรากฎให้เห็นอยู่ว่า ในสังคมที่คนไม่พร้อม มีปัญหาการศึกษา ขาดการพัฒนาความคิดและจริยธรรม ย่อมคาดหวังไม่ได้เลยว่า คนในสังคมที่แม้โตแล้วแก่แล้ว จะมีวุฒิภาวะทางการเมืองพอที่จะเลือกตั้งได้อย่างมีความรับผิดชอบ จะไม่เห็นแก่การอ่อยเหยื่อ ขายเสียงเพื่อเงินหรือประชานิยม โดยประเทศชาติส่วนรวมเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
และจะคาดหวังได้อย่างไรว่า รัฐบาลที่มาจากการซื้อเสียง จะอยู่ดีๆมีสำนึก มาพัฒนาการศึกษาและจริยธรรมจนคนในชาติออกจากความเขลานี้ได้ เพื่อวันหนึ่งพวกฐานเสียงนี้หรือจะได้ฉลาดพอจะเลิกเลือกพวกเขา. ย่อมเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น ความสำคัญคือ จะทำอย่างไร จะวัดอย่างไรว่า คนคนหนึ่ง มีวุฒิภาวะทางการเมืองมากพอที่จะออกเสียงเลือกตั้งได้ อย่างมีเหตุผลและความรับผิดชอบ แน่นอนว่า ข้อกำหนดอายุ พิสูจน์แล้วว่าไม่ไช่ แล้วอะไรเล่า
เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นเสียงที่มาจากประชาชนที่ต้องการนโยบายรัฐไปในทิศทางการพัฒนาประเทศทางใดทางหนึ่ง เป็นเฉพาะเสียงที่สนใจจริงๆกับการบริหารประเทศ ไม่ใช่ถูกกลบถูกรบกวนด้วยเสียงของกลุ่มคนที่ไม่ได้สนใจการบริหารประเทศแต่เห็นแก่ได้ เห็นแก่"เหยื่อ" ของนักการเมืองเท่านั้น ทำอย่างไร จะได้แยกเสียงที่มีคุณภาพ ออกจากเสียงที่ถูกซื้อ
คำตอบคือ การให้ประชาชน แสดงตัวตนเองว่าเขามีวุฒิภาวะทางการเมืองดีพอจะเลือกตั้งหรือไม่ ด้วยการให้สิทธิแก่ประชาชนในการจะขอเว้นใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนระยะเวลาหนึ่งๆ เช่น 2-4 ปี
วิธีการนี้ รัฐจะเปิดให้ประชาชนสามารถมาลงทะเบียนขอเว้นการใช้สิทธิทางการเมือง เปิดให้ลงทะเบียนได้ทุกวัน ตลอดเวลา แม้นอกฤดูเลือกตั้ง คนที่ประสงค์จะลงทะเบียน จะต้องนั่งฟังอบรม ดูวีดีโออธิบายถึงความสำคัญของการเลือกตั้งนักการเมืองที่ดีไปบริหารชาติ และถ้าอบรมแล้ว ดูวิดีโอแล้ว ยังประสงค์จะขอเว้นสิทธิทางการเมือง ก็ไปลงทะเบียน และรับเงินตอบแทนชดเชยจากรัฐบาล และจะออกจากบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว 2-4 ปี แล้วแต่กำหนด จนกว่าเมื่อไรเห็นความสำคัญของการใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่กลับมาลงทะเบียนเว้นสิทธิอีก ก็จะกลับเข้าสู่บัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งดังเดิม
ด้วยวิธีการนี้ เราจะสามารถคัดแยก ผู้มีวุฒิภาวะทางการเมือง ซึ่งเห็นค่าของสิทธิในการเล็อกตั้งมากกว่าเงินที่จะได้เฉพาะหน้า และไม่ทำให้เสียงของคนที่ต้องการขายเสียงมารบกวนเบี่ยงเบนเสียงของคนที่ต้องการใช้สิทธิจริงๆ
การลงทะเบียนขอเว้นสิทธินี้ก็ไม่ต่างกับการ ขีดบนบัตรเลือกตั้งว่า ไม่ขอเลือกใคร จึงไม่ได้ขัดหลักการประชาธิปไตย. เป็นการให้ทางเลือกโดยความสมัครใจ การเปิดให้ลงทะเบียนได้ทุกวัน รวมทั้งนอกฤดูเลือกตั้งก็จะทำให้นักการเมืองไม่สามารถมาแย่งแข่งกันซื้อเสียงได้
การจ่ายเงินให้กับคนกลุ่มนี้ก็เหมาะสมแล้ว ดีกว่าให้เสียงของเขามารบกวนเสียงของคนที่จะต้องการใช้สิทธิกำหนดนโยบายจริงๆ และถูกกว่าการให้นักการเมืองซื้อเสียงแล้วมาถอนคืนด้วยการคอรัปชั่นมากมายหลายเท่านัก เงินที่จ่ายก็เป็นเหมือนสวัสดิการอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ให้กับ เด็ก หรือคนชรา เป็นสวัสดิการ เป็นค่าใช้จ่ายของรัฐในการดูและผู้ที่ "ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะ" ทางการเมือง
ด้วยระบบนี้ละครับ คราวนี้เราจะรู้กันจริงๆว่า สังคมไทยเรามีคนพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใช้สิทธิในระบบประชาธิปไตยจริงๆสักเท่าไร. แล้วทุกรัฐบาลต่อไปควรตั้งเป็นเป้าหมายในการให้ความรู้ให้การศึกษาพัฒนาจริยธรรม. จนกระทั่งไม่มีคนมาลงทะเบียนขอเว้นสิทธิทางการเมืองครับ
การขอเว้นสิทธิทางการเมืองนี้ รวมถึงไม่สามารถลงชื่อยื่นถอดถอนด้วย มิฉะนั้นไม่ขายสิทธิเลือกผู้แทนแล้ว เดี๋ยวจะกลับมาขายสิทธิลงชื่อยื่นถอดถอน ความจริงแล้ว น่าจะไปถึง สัญญาว่าจะไม่มารับจ้างเดินขบวนประท้วงด้วยเสื้อสีต่างๆด้วยครับ
สุดท้ายนี้ ถึงแนวความคิดนี้จะเป็นทางพาชาติออกจากวิกฤต แต่คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองที่ถนัดกับการซื้อเสียงอยู่ดี และคงถูกต่อต้านจากนักวิชาการโลกสวยที่มีอุดมคติว่า สักวันคนในชาติจะฉลาดขึ้นฉับพลันแล้วเลิกขายเสียง ภายใต้รัฐบาลซื้อเสียง มอมเมาและไม่ต้องการให้คนฉลาดขึ้น. ปรัชญาและอุดมคติได้พาเราเช้ารกเข้าพงมา 80 ปี แล้ว และยังคงต้องร่าง รัฐธรรมนูญในอุดมคติกันอีกหลายรอบ เพราะเรายังคงไม่มีนักการเมืองและประชาชนในอุดมคติ
จะเอาจริงให้แก้ปัญหาได้ผลกันสักที หรือจะรอร้อยปีต่อไปครับ |