เรียน...ถาม อ.มีชัย ที่เคารพ
กรณีที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลนำโดย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภาขอให้นำเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงคุณสมบัติของนายสุเมธ อุปนิสากร ประธาน กกต.ที่อายุเกิน70ปี เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังสามารถ ทำหน้าที่ ปธ. กกต.ต่อได้หรือไม่
และการที่ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ระบุว่าเรื่องนี้เลขาธิการ กกต.ได้รายงานหนังสือตอบกลับจากเลขาธิการสำนักงานวุฒิสภา พร้อมทั้งรายงานข้อกฎหมายที่ได้ศึกษามาอย่างละเอียดให้ที่ประชุม กกต.ทราบ โดยมีทั้งคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการนับอายุการดำรงตำแหน่ง และคำวินิจฉัยของคณะกรรม การกฤษฎีกาก็บ่งชี้ว่านายสุเมธยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้
อยากให้อาจารย์ ช่วยชี้แนะว่า ข้อเท็จจริง นายสุเมธ ยังทำหน้าที่ได้หรือไม่ หากไม่ได้ แล้วการพิจารณาคดียุบพรรค ที่ผ่านมา มีผลเป็นโมฆะ หรือไม่ ค่ะ
ด้วยความเคารพคะ
สิริกันยา
ก่อนปี ๒๔๘๓ ประเทศไทยถือเอาวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาในปี ๒๔๘๒ ต่อปี ๒๔๘๓ ทางราชการได้เปลี่ยนจากวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันที่ ๑ มกราคม จึงทำให้คนที่เกิดก่อนหน้าปี ๒๔๘๓ จะมีอายุที่หายไป ตัวอย่างเช่น คนที่เกิดวันที่ ๙ มีนาคม ๒๔๘๑ พอเวลาผ่านไปได้ ๒๑ วัน ถึงวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ ก็จะเปลี่ยนเป็น พ.ศ. ๒๔๘๒ ถ้านับตามเลข พ.ศ. เด็กคนนั้นก็จะอายุ ๒ ขวบ (คือ พ.ศ. ๒๔๘๑ และ ๒๔๘๒) ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ ๒๑ วัน ครั้นอยู่ต่อมาถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๔๘๒ รุ่งขึ้นวันที่ ๑ มกราคม ทางราชการเปลี่ยนเป็นให้ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ วันที่ ๑ มกราคมนั้น จึงกลายเป็นมกราคม ๒๔๘๓ รวมความว่าเด็กคนนั้นถ้านับตาม พ.ศ. ก็จะมีอายุได้ ๓ ขวบ (คือ พ.ศ. ๒๔๘๑ พ.ศ. ๒๔๘๒ และ พ.ศ. ๒๔๘๓ ) ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ ๙ เดือนกับ ๒๑ วัน ด้วยเหตุนี้ทางราชการจึงกำหนดว่า ใครก็ตามที่เกิดในช่วงนั้น เมื่อนับอายุตาม พ.ศ. ได้เท่าไรแล้ว ให้ลดลง ๑ ปี ซึ่งจะทำให้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด อายุของคุณสุเมธ ก็คงเป็นเช่นนี้ อนึ่ง คุณสุเมธไม่ใช่เป็นประธาน กกต. หากแต่เป็นกรรมการคนหนึ่งใน กกต.