เรียน ท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ
1) การเมืองของคนในประเทศขณะนี้มีความเป็นประชาธิปไตยน้อยและเป็นคณาธิปไตยมากกว่าหรือเปล่าครับ เสียงของคน 16 ล้านเสียงในการเลือกตั้ง 2 เม.ย. จะมีใครมาออกความเห็นสนใจและเอาใจใส่บ้างหรือเปล่าครับ
2) ในช่วงแห่งการเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลของประเทศนั้น ผู้คนต่าง ๆ ก็สงบปากเสียงความขัดแย้งทางการเมืองไปเกือบหมด แต่สือหนังสือพิมพ์ยังคงเขียนคอลัมน์เรื่องลาออกไม่ลาออกอย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่ทราบท่านอาจารย์สดุดใจอยู่บ้างหรือเปล่าครับ
3) หากสื่อหนังสือพิมพ์หยุดพักการเสนอข่าวความขัดแย้งลงเสียบ้าง ผู้ที่ขัดแย้งกันอยู่ทางการเมืองในประเทศก็คงจะนุ่มนวลขึ้นมาก เพราะไม่มีใครเอาไปขยายผลให้นะครับ เขาก็จะเบื่อเลิกพูดแถลงกันไปเอง วิธีนี้น่าจะได้ลองเสนอกันดูบ้างนะครับ สื่อหนังสือพิมพ์น่าจะทำได้ง่ายกว่าที่จะไปขอให้บรรดาผู้ชอบแถลงทั้งหลายสงบปากคำ
เรียน คุณบัวรอง
1. ถ้าว่าโดยผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งผูกพันทุกองค๋กร การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒ เมย. ก็ไม่เป็นประชาธิปไตย และเสียเปล่าไปแล้ว จำนวนเสียงที่ปรากฏไม่ว่าในทางใด ก็ย่อมเสียเปล่าไปด้วย ส่วนจะเป็นคณาธิปไตยหรือไม่นั้น ถ้าถามความรู้สึกของคนทั่วไปในขณะนี้ ก็คงจะได้รับคำตอบว่า "ใช่" แต่ถ้าถามต่อไปว่า ใครเป็นคณาธิปไตย ก็จะได้รับคำตอบที่ไม่เหมือนกัน สุดแต่ว่าทัศนคติของคนที่ถูกถาม จะมองแต่ละฝ่ายอย่างไร
2. เมื่อเรายอมรับสิทธิและเสรีภาพที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าเป็นสิ่งที่เราต้องการ ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดติดตามมาด้วย เหมือนกับกรณีที่ส่งเสริมให้เด็ก ๆ เป็นตัวของตัวเอง กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่ถูกครอบงำจากใครได้โดยง่าย แล้วจะไปหวังให้เด็กนั้นว่านอนสอนง่ายโดยไม่ให้เหตุผล ย่อมเป็นไปไม่ได้
3. ถ้าสื่อไม่เสนอสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วประชาชนจะรู้เรื่องได้อย่างไร ขนาดเหตุการณ์ทางภาคใต้ แม้ทั้งที่รู้ว่าการเสนอผลงานของคนร้ายทางภาคใต้ จะเป็นการช่วยขยายผลให้แก่ผู้ร้าย สื่อยังไม่อาจงดได้ เพราะเป็นหน้าที่ของเขา เท่าที่จะหวังกันได้ ก็น่าจะเพียงหวังว่า สื่อจะเสนอ "สิ่งที่เกิดขึ้น" ตามที่มันเกิดขึ้นจริง โดยไม่ใส่ความคิดเห็นหรือ "ความอยากให้เกิด" ลงไปในเนื้อของข่าว เพียงเท่านี้ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาลแล้ว