เรียนท่านอาจารย์
สามีเป็นข้าราชการกู้เงินธนาคาร โดยธนาคารให้ทำประกันชีวิตค้ำประกันเงินกู้ไว้( ประกันต่ออายุทุก 5 ปี ) ส่งค่างวดได้ประมาณ 6 งวด สามีมีอาการป่วย เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้ 10 วันก้อเสียชืวิต หมอบอกวันสุดท้ายก่อนเสียว่าเป็นมะเร็งทางเดินน้ำดี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบและรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาก่อน และสุขภาพแข็งแรงดี ต่อมา ดิฉันได้ยื่นคำร้องขอค่าสินไหมที่ธนาคารซึ่งตัวแทนบริษัทประกันได้เอาหลักฐานกรมธรรม์ตัวจริงไปด้วย ผ่านมาได้ 3 เดือน บริษัทประกันได้ส่งตัวแทนมาที่บ้านแต่ไม่พบและทิ้งเอกสารให้ดิฉันเซ็นยินยอมเปิดเผยข้อมูลการรักษาของสามี ซึ่งหลังจากนั้น ดิฉันพยายามติดจ่อตัวแทนเพื่อส่งเอกสารให้แต่ติดต่อไม่ได้ ผ่านไป 2 สัปดาห์ ดิฉันได้รับจดหมายจากบริษัทประกันแจ้งบอกล้างสัญญาเนื่องจากตรวจสอบพบว่าสามีดิฉันมีประวัติการรักษาโรคความดันโลหิตสูงมาก่อนและจะจ่ายคืนเฉพาะเบี้ยประกัน ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดีค่ะเพราะตัวคนเดียว มีลูกคนโต 2 ขวบ และตั้งครรภ์อยู่ 8 เดือน จะไปไหนหรือทำอะไรก้ลำบาก จึงขอเรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ค่ะ
1. ในการบอกล้างสัญญาของบริษัทนั้นดิฉันพอมีทางสู้หรือไม่คะ และต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
2. สามีมีบำเหน็จตกทอดและเงินอื่นๆ ที่ทางราชการให้ประมาณ 800,000 บาท และมีโฉนดที่ดินต่างจังหวัดอยู่สองแปลง แต่ราคาคงไม่มากเท่าไหร่ ถ้าจะต้องใช้หนี้ของ สามี ประมาณ 1,500,000 บาท โดยต่อรองกับธนาคารขอชำระเท่าทรัพย์สินของสามีได้ไหมค่ะ เพราะดิฉันเงินเดือนเหลือเพียง 12,000 แล้วยังจะต้องเลี้ยงดูลูกสองคนคงจะผ่อนให้ธนาคารไม่ไหว
หากท่านอาจารญ์มีทางอื่นๆนอกจากที่ตั้งคำถามแนะนำขอความกรุณาด้วยนะคะ ทุกวันนี้กลุ้มใจมากสงสารอนาคตลูกสองคน ถึงจะไม่มีอะไรที่เหลือจากพ่อเค้าเลยก้ออยากมีเงินเดือนเลี้ยงเค้าให้โตไปมีอนาคตที่ดีบ้าง
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
1. ถ้าธนาคารเขาให้ประกันชีวิตเป็นการค้ำประกันเงินกู้ ก็แสดงว่าผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์คือธนาคาร หากบริษัทประกันบอกล้างสัญญาประกัน ก็จะกระทบกับธนาคาร จึงควรแจ้งให้ธนาคารทราบ เผื่อเขาจะได้เข้ามาต่อสู้แทนคุณ แต่ถ้าเขาไม่ต่อสู้แทน ในชั้นต้นก็ควรร้องเรียนไปยังกรมประกันภัย เพื่อให้เขาช่วยดูให้ แต่ท้ายที่สุดหากไม่ได้เรื่อง ก็คงต้องหาทนายความไปดำเนินคดีฟ้องร้องบริษัทประกัน
2. คงต้องไปเจรจากับธนาคาร เพื่อบอกให้เขารู้ว่าผู้ตายมีทรัพย์สินเพียงที่ดินที่ว่านั้น มรดกอื่นไม่มี เงิน ๘๐๐,๐๐๐ ที่ทางราชการจ่ายให้คุณนั้นไม่ใช่มรดกจึงควรเก็บไว้ให้ดีอย่านำไปชำระหนี้ จะได้เก็บไว้เลี้ยงลูกต่อไป เวลาต่อสู้คดีที่ธนาคารฟ้องก็ต้องต่อสู้ว่าหนี้ที่สามีไปกู้มานั้น เป็นการกู้ไปใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัว (เว้นแต่เป็นหนี้ที่เอามาปลูกบ้านก็อาจเถียงได้ยาก ) ถึงเวลาที่เขาฟ้องคงต้องหาทนายความให้เขาช่วยดูให้