มาตรา ๑๑๒ ห้ามการกระทำเพียง ๓ อย่าง คือ ห้ามหมิ่นประมาท ห้ามดูหมิ่น และห้ามอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การกระทำทั้ง ๓ อย่างนั้น อย่าว่าแต่จะทำกับประมุขของประเทศเลย ทำกับคนธรรมดา ก็ยังไม่ได้ เสรีภาพของบุคคลนั้นย่อมมีขอบเขตอันจำกัดที่จะต้องไม่ไปละเมิดคนอื่น ถ้าคำนึงถึงแต่เสรีภาพของบุคคลโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของคนอื่น สังคมก็คงกลียุค แม้แต่ในอเมริกาเองก็ใช่ว่าเราจะไปหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายประธานาธิบดีของเขาได้เสียเมื่อไรล่ะ ข้อสำคัญประเทศแต่ละประเทศย่อมมีความระแวดระวังในเรื่องที่ต่างกัน ถ้ามองในแง่มุมของอีกประเทศหนึ่งอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่คนที่เจริญแล้วเขาก็ต้องยอมรับนับถือประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ไม่ไปตัดสินจากความคุ้นเคยหรือความเคยชินของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น อเมริกันกลัวการก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ใครจะผ่านเข้าประเทศจะตรวจค้นอย่างละเอียดยิบโดยไม่คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของใคร ถึงขนาดจับแก้ผ้าก็ยังทำ แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็เปิดรื้อค้นเอาเองได้ เมื่อตอนที่อเมริกันตามล่าบินลาเด็นน่ะ เคยจับภาพจากอากาศเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เท้าอยู่เชิงเขา นึกว่าเป็นบินลาเด็น ส่งจรวดราคาแพงไปถล่มตายหมดทั้งกลุ่ม จึงรู้ภายหลังว่าไม่ใช่บินลาเด็น ชาวบ้านเลยตายฟรีนั่นน่ะไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเสียกว่ายุคหินอีกหรือ ก็ไม่เห็นคนอเมริกันหรือสหประชาชาติจะไปตำหนิอะไร เพราะความแค้นในเรื่องถูกถล่มตึกยังค้างคาอยู่ในใจ
ประเทศสิงคโปร์มีโทษเฆี่ยนตี ให้หลาบจำจะได้ไม่ทำผิดบางอย่าง คนอเมริกันมือซนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่กำแพง เขาจับได้ ลงโทษตีก้นให้ได้อายมาแล้ว จะโวยวายหรือขอร้องอย่างไร รัฐบาลสิงคโปร์ก็ไม่ยอม ไม่มีใครไปเรียกร้องให้เขาแก้ไขกฎหมาย เพราะเขาจะเฆี่ยนตีก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิด เหมือนกับกฎหมายของไทย จะลงโทษก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิดที่ห้ามไว้