ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
    มุมของมีชัย
  • ความคิดเสรีของมีชัย
  • เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
  • เรื่องสั้น
  • จดหมายถึงนาย
  •  
     
    ความคิดเสรีของมีชัย

    น้ำใจของคนไทย

    วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม ที่ผ่านมา นับเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสังคมไทยและคนไทยทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ


    มูลเหตุแห่งความสำคัญมาจากการที่วิจารณ์ พลฤทธิ์ นักชกไทยรุ่น ๕๑ กิโลกรัม จะขึ้นชกชิงเหรียญทองในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกส์ ซึ่งบัดนี้เราต่างทราบผลกันด้วยความยินดีอย่างทั่วหน้าแล้วว่า วิจารณ์ พลฤทธิ์ ประสบผลสำเร็จสามารถคว้าเหรียญทองมาให้ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยได้


    เหรียญทองเหรียญนั้น แม้จะเป็นเหรียญทองเหรียญเดียวที่ประเทศไทยได้รับ แต่เป็นเหรียญทองที่มีความหมายและยิ่งใหญ่สำหรับประเทศไทยและคนไทยยิ่งนัก


    ความหมายและความยิ่งใหญ่มิได้อยู่ที่ไทยได้รับเหรียญทองแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่น้ำจิตน้ำใจของคนไทยทุกหมู่เหล่าที่ต่างเฝ้าเอาใจช่วยวิจารณ์


    คงต้องยอมรับกันว่าชัยชนะของวิจารณ์มิใช่เป็นเรื่องของโชคช่วย หากแต่เกิดจากฝีไม้ลายมือ สมาธิ วิธีการชกที่ใช้สมอง ความซื่อตรงต่อภาระหน้าที่ และการยอมรับฟังคำชี้แนะของผู้ฝึกสอน


    แต่ก็ต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่า คนไทยทุกคนไม่ว่ามีฐานะ อาชีพ หรืออยู่ที่ใดต่างส่งกำลังใจไปช่วยอย่างพร้อมเพรียงกัน ถ้ากระแสจิตของคนเรามีจริง กระแสจิตอันเป็นกลุ่มก้อนที่ทรงพลังนั้นเอง น่าจะมีส่วนช่วยให้วิจารณ์เกิดกำลังใจ เกิดสมาธิและเกิดความมุ่งมั่นที่จะเอาชัยชนะมาให้ได้


    ในวันและเวลาที่วิจารณ์ขึ้นชก คนไทยทุกคนต่างมีจิตมุ่งมั่นไปในทางเดียวกันโดยไม่มีขีดคั่นแห่งความคิด หรือขีดคั่นแห่งสังกัดของพรรคการเมือง หรือขีดคั่นในเรื่องอื่นใด เช่น เพศ อาชีพ ฐานะ หรือศาสนา


    ถ้าถามว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ซึ่งคนไทยทั้งปวงมีความนึกคิดไปในทิศทางเดียวกัน


    คำตอบเท่าที่พอจะนึกได้ก็คือ ทุกคนมุ่งหวังต่อชื่อเสียงและประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก และไม่มีใครต้องเสียประโยชน์ต่อผลสำเร็จของนักชกไทย


    และถ้าถามต่อไปว่าอะไรคือสิ่งดลใจให้ทุกคนเกิดมุ่งหวังต่อประโยชน์ของประเทศไทยขึ้นมาพร้อม ๆ กัน


    คำตอบก็น่าจะเป็นว่าเพราะทุกคนมองเห็นว่าเมื่อประเทศได้รับประโยชน์และชื่อเสียงแล้ว ประโยชน์และชื่อเสียงนั้นก็ตกมาสู่ตนด้วย เป็นการตกทอดมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ไปตกหล่นเป็นเบี้ยบ้ายรายทางเสียที่ไหนหรือที่ใคร แม้ชื่อเสียงและความมั่งคั่งจะตกได้แก่วิจารณ์ พลฤทธิ์ และคณะผู้ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนต่างพลอยยินดีกับโชควาสนาของวิจารณ์ และชื่นชมต่อผลงานของคณะผู้สนับสนุน โดยไม่มีใครคิดไปอิจฉาริษยาแต่อย่างใด เพราะต่างตระหนักดีว่าผลสำเร็จที่นำความปิติยินดีมาสู่ทุกคนนั้น เกิดจากหยาดเหงื่อ ความบากบั่น และความมั่นคงในหน้าที่ของวิจารณ์ รวมทั้งแรงสนับสนุนจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเหล่านั้น


    เมื่อมีชื่อเสียงของประเทศในเชิงกีฬาเป็นเดิมพัน คนไทยทุกคนสามารถร่วมจิตร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้


    ครั้นหันมามองสภาพของประเทศไทยดูบ้าง จะพบว่าบัดนี้ ความอยู่รอดในเชิงเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศที่กำลังตกอยู่ในมุมอับอันเนื่องมาแต่การทุจริตประพฤติมิชอบและการแพร่ระบาดของยาเสพติด กำลังเป็นเดิมพัน ซึ่งถ้าไม่สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ ผลร้ายจะตกอยู่แก่ประชาชนทุกคน ทุกเพศทุกวัย ทุกอาชีพ


    ทำไมเราจึงไม่สามารถร่วมจิตร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้บ้าง


    แม้ว่าในเรื่องนี้จะต่างกับกรณีของการกีฬา เพราะมีอำนาจ ประโยชน์ วิธีคิด และความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เป็นปัจจัยที่แทรกอยู่


    แต่ถ้าทุกคนและทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความหนักหนาแห่งปัญหา และมหันตภัยที่กำลังเผชิญอยู่ ย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะร่วมใจกันทำงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้


    การแข่งขันกีฬานั้น อย่างเลวร้ายที่สุด ก็เพียงไม่ได้เหรียญทองอย่างที่คาดหวัง ซึ่งแล้วก็แล้วกันไป สามารถกลับมาฝึกซ้อมเพื่อรอเวลาไปแก้ตัวใหม่ได้ คนไทยทุกคนยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสงบ


    แต่ปัญหาของบ้านเมืองในขณะนี้ ถ้าแก้ไขไม่ได้ แม้จะไม่ถึงกับต้องเสียบ้านเสียเมืองอย่างในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่บ้านเมืองก็อาจจะไม่ใช่ของคนไทยอีกต่อไป และถ้าเพลี่ยงพล้ำเสียแล้วการจะแก้ตัวกันใหม่ ก็อย่าหวังว่าจะทำกันได้ง่าย ๆ หรือมีกำหนดเวลาชัดเจนแน่นอนอย่างที่กำหนดไว้ในกีฬาโอลิมปิก แล้วคนไทยจะอยู่อย่างสุขสงบได้หรือ


    ผืนแผ่นดินไทยจะเต็มไปด้วยคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ทั้งอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จริงอยู่คนไทยคงยังเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เป็นคนไทยที่ส่วนหนึ่งติดยาเสพติดจนหาประโยชน์แก่สังคมไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทต่างชาติที่เข้ามาครอบงำทางเศรษฐกิจ คนไทยพวกหลังนี้คงจะต้องมีความขยันหมั่นเพียรตามกติกาของเจ้านายต่างชาติมากขึ้น เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินเดือนที่เขาจ่ายให้ ความขยันหมั่นเพียรมีมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำกำไรให้กับบริษัทเหล่านั้นเพื่อส่งกลับไปยังประเทศของเขามากขึ้นเท่านั้น อาจยังมีคนไทยบางส่วนที่เป็นเจ้าของกิจการอยู่ได้ ซึ่งก็คงจะเป็นกิจการที่นายทุนต่างชาติมองเห็นแล้วว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน หรือได้กำไรไม่มากพอ หรือเพื่อใช้เป็นแหล่งป้อนวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่เขาไม่อยากจะทำ


    คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งคงมีไม่มากนัก และเป็นผู้ที่ไปเรียนหนังสือจากเมืองนอกเมืองนามาแต่เล็ก อาจจะมีความรู้ความสามารถทัดเทียมกับคนต่างชาติและสามารถไต่เต้าขึ้นไปเทียบเคียงกับคนต่างชาติได้ แต่คนไทยเหล่านั้นก็คงจะใช้ความรู้ความสามารถของตนเพื่อเป็นจักรกลสำคัญในอันที่จะช่วยทำให้บริษัทต่างชาติได้กำไรมากขึ้น ช่วยปกป้องผลประโยชน์ของต่างชาติด้วยถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า “สิทธิมนุษยชน” บ้าง “การค้าเสรี” บ้าง หรือ “โลกาภิวัตน์” บ้าง หรือถ้าเป็นคนที่มีพื้นฐานในการดูถูกคนไทยมาแต่ต้น ก็คงจะช่วยคนต่างชาติเหยียบย่ำซ้ำเติมคนไทยยิ่งกว่าคนต่างชาติเสียเอง


    การทุจริตประพฤติมิชอบแสวงหาประโยชน์ส่วนตน นับวันแต่จะระบาดมากขึ้น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการกระจายวัฒนธรรมการทุจริตลงสู่พื้นบ้าน ผลการวิจัยของนักวิชาการที่ระบุว่าการเรียกและรับสินบนจากการจัดซื้อและจัดจ้างเป็นจำนวนร้อยละ ๒๐ นั้นน่าตระหนกอยู่แล้ว แต่ข่าวที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนึ่งเรียกค่าตอบแทนจากการอนุมัติโครงการก่อสร้างถึงร้อยละ ๔๐ จนผู้รับเหมาทนไม่ได้ต้องนำตำรวจไปจับตัวได้พร้อมของกลาง นั้น น่าตระหนกยิ่งกว่า เพราะเป็นการเพิ่มอัตราของสินบนถึง ๑๐๐% ในช่วงเวลาอันไม่นานนัก


    คนที่มีช่องทางจะทุจริตจากโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ใช้ช่องทางนั้น คนที่ยังไม่มีโครงการอยู่ในมือก็พยายามจัดทำโครงการขึ้นเพื่อจะได้มีช่องทางบ้าง และที่ไม่มีช่องทางดังกล่าวจริง ๆ ก็หาเอาจากข้าราชการที่จะเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง บางคนก็เลวครบเครื่อง คือทำทุกทาง


    เมื่อจับได้ไล่ทัน ข้ออ้างที่ดูจะสร้างความชอบธรรม ก็คือ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ความหมายคงเป็นว่า เขาก็ทำกันทั้งบ้านทั้งเมือง เมื่อมาจับผมอยู่คนเดียว ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นยังงั้นไป


    ท่านทั้งหลายที่กำลังวางแผนแย่งชิงอำนาจรัฐกันอยู่ในขณะนี้ จะไม่ลองหยุดคิดกันดูบ้างหรือครับว่า ถ้าปล่อยปัญหาที่มีอยู่ให้เป็นไปตามยถากรรม อำนาจรัฐที่หากจะได้มา จะมีความหมายอะไร เพราะจะมีคนต่างด้าวท้าวต่างแดนมาบงการอยู่เหนือท่านทั้งหลายอีกต่อหนึ่ง


    เพียงแค่บริษัทของไทยไม่ขึ้นราคาน้ำมันตามที่เขาอยากให้ขึ้น เขาได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไร ก็เห็น ๆ กันอยู่


    ถ้าบ้านเมืองเต็มไปด้วยการทุจริตในทุกรูปแบบ จะหาเงินมาจากไหนจึงจะพอที่จะไปสร้างความเจริญให้บ้านเมืองได้


    ถ้าผู้คนส่วนหนึ่งเป็นล้าน ๆ คน โดยเฉพาะเยาวชน เป็นคนไร้ประโยชน์ต่อสังคมเพราะฤทธิ์ของยาเสพติดให้โทษนานาชนิด สังคมจะอันตรายเพียงใด ลูกหลานของเราจะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้หรือ


    ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะแก้ไขได้ หากแต่ต้องการการร่วมกันคิดร่วมกันทำ และความร่วมมือจากประชาชนทุกฝ่าย


    แต่ประชาชนจะร่วมมืออย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ผู้มีหน้าที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีความสามารถ มีความตั้งใจจริง ซื่อตรงต่อหน้าที่ และที่สำคัญเปิดใจกว้างเพื่อรับฟังความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์จากคนทุกกลุ่ม


    เมื่อทำได้ดังที่ วิจารณ์ พลฤทธิ์ ได้กระทำมา คนทั้งประเทศย่อมให้ความร่วมมือ และเป็นกำลังใจให้อย่างทั่วหน้า แม้จะทำได้ไม่สำเร็จ คือแก้ไขปัญหาไม่ได้ครบถ้วน ผู้คนก็จะยังคงให้กำลังใจและให้โอกาส ดังที่ประชาชนได้แสดงความเห็นใจกับกรณีของสมรักษ์ คำสิงห์ ที่แม้จะพ่ายแพ้มา ทุกคนยังมองด้วยความเห็นใจและเมตตา เพราะรู้ว่าเขาได้ทำหน้าที่ของเขาเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว

    มีชัย ฤชุพันธุ์