ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
    มุมของมีชัย
  • ความคิดเสรีของมีชัย
  • เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
  • เรื่องสั้น
  • จดหมายถึงนาย
  •  
     
    ความคิดเสรีของมีชัย

    ความสับสนของสังคม

    นับแต่วันเลือกตั้งวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๔ เป็นต้นมา ใครจะสังเกตบ้างหรือเปล่าว่าผู้คนในสังคมเกิดความสับสน สงสัย หงุดหงิด และถึงขั้นมีอารมณ์จนเกิดความวุ่นวายขึ้นในบางพื้นที่


    ความสับสน สงสัย และหงุดหงิดนั้นอาจจะยังมีต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นถ้ามีการอธิบายหรือจัดการกันให้ดี เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์ที่มีอยู่อาจจะเบาบางลงและหายไปในที่สุด แต่ถ้าไม่ชี้แจงหรือจัดการให้ดี มีเหตุผล อารมณ์ของผู้คนอาจกลับปะทุและรุนแรงยิ่งขึ้นก็ได้


    ถ้ามองย้อนกลับไปพินิจพิจารณาดู ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น เราคงได้คำตอบที่หลากหลาย


    ผลการนับคะแนนที่ปรากฏออกมาอย่างผิดคาดก่อให้เกิดความสมหวังและผิดหวังแก่ผู้คน สุดแต่ว่าใครจะเคยคาดการณ์กันอย่างไร และเชียร์ใคร คนที่สมหวังย่อมดีใจ คนที่ผิดหวังย่อมหงุดหงิด


    ความผิดคาดดังกล่าว ทำให้เกิดความสงสัยในความสุจริตของขบวนการเลือกตั้ง และการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเงินเป็นปัจจัยทำให้เกิดชัยชนะหรือไม่ และเมื่อหาเหตุผลอื่นไม่ได้จึงเลยปักใจเชื่อว่าคงใช้เงินทองซื้อเสียงกันมากมาย


    ขบวนการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งผู้คนยังไม่เคยชินและไม่รู้ว่าที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร จึงสงสัยในความสุจริตของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง และกรรมการตรวจนับคะแนน ยิ่งผสมกับบัตรเสียที่มีมากผิดปกติ จึงมุ่งไปในทางที่ว่ากรรมการตรวจนับคะแนนอาจเป็นผู้จงใจทำให้บัตรดีกลายเป็นบัตรเสียก็ได้


    ผู้คนตื่นตัวไปคอยดูการนับคะแนนอย่างใจจดใจจ่อ และไม่ไว้วางใจกรรมการนับคะแนน เมื่อผลของคะแนนไม่เป็นไปตามที่ตนอยากให้เป็น ประกอบกับเฝ้าดูกันทั้งคืนทั้งวันโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน จึงเกิดอารมณ์และหงุดหงิดได้ง่าย


    กรรมการนับคะแนนเองก็ต้องอดหลับอดนอนเช่นเดียวกับคนดู แถมยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ จึงเหน็ดเหนื่อยและเครียดกว่าคนดูหลายเท่า เมื่อคนดูมีอารมณ์ กรรมการย่อมเกิดอารมณ์ได้เช่นกัน


    เมื่อผิดหวังต่อผลของคะแนนประกอบกับความไม่ไว้วางใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อารมณ์ที่มีอยู่จึงปะทุเป็นความรุนแรงได้ง่าย และเมื่อมีใครเกิดอารมณ์เข้าสักคนสองคน ย่อมกระตุ้นให้คนหมู่มากเกิดอารมณ์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน และนำไปสู่ความรุนแรงขึ้น ดังที่ได้เห็นกันอยู่แล้วในบางแห่ง เหตุทั้งนี้เพราะเกิดความเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น


    ผู้สมัครที่แพ้และค่อนข้างจะมั่นใจในคะแนนนิยมของตนที่เคยสัมผัสได้ตอนตระเวนหาเสียง ย่อมผิดหวังในผลของคะแนน และนำไปสู่ความสงสัยในความสุจริตของคู่แข่งขัน บางคนแก้ไขด้วยการมาร้องเรียนต่อ กกต.ส่วนกลาง บางคนไปชักชวนประชาชนให้มาประท้วง คนที่เชื่อถือกันเพราะรักใคร่ชอบพอกันหรือสนับสนุนกันมา จึงพลอยมากับเขาด้วย คนที่เชื่อถือหรือสนับสนุนในฝ่ายชนะก็หาว่าแพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ เกิดอารมณ์ขึ้นได้ทั้งสองฝ่าย


    ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี ทำให้สื่อต่าง ๆ รวมทั้งผู้สมัคร ต่างมีภาพที่ตนเข้าใจว่าเกิดความไม่สุจริต หรือความไม่ชอบมาพากลมาเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ประชาชนส่วนไม่น้อยจึงพากันปักใจเชื่อถึงความไม่สุจริตและเที่ยงธรรมของ กกต.จังหวัดบ้าง ของเจ้าหน้าที่นับคะแนนบ้าง หรือแม้แต่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งบ้าง และยิ่งกรรมการจากหน่วยเลือกตั้งที่ไม่เข้าใจในระบบการเลือกตั้งใหม่ ทำการผิดพลาด เช่น ไปนับคะแนนเสียเองในหน่วยเลือกตั้ง จึงยิ่งทำให้คนสงสัยมากขึ้น


    เมื่อเรื่องถูกส่งมายัง กกต.กลางแล้ว ด้วยความเชื่อที่ว่าตนหรือผู้สมัครที่ตนสนับสนุนอยู่สมควรจะได้รับเลือกตั้ง หากมีการดำเนินการเลือกตั้งให้สุจริตอย่างแท้จริง จึงพากันเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพ หน้าที่ทำการของ กกต. และเมื่อ กกต.ไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องการเลือกตั้งใหม่อย่างที่ต้องการได้ ก็เกิดอารมณ์ถึงขั้นอยากใช้กำลัง


    แม้แต่องค์กรกลางที่เรียกกันว่า พีเน็ต ก็เอากับเขาด้วย ด้วยความเชื่อในรายงานของคนของตนว่ามีการกระทำที่ไม่สุจริตขึ้น เมื่อส่งเรื่องให้ กกต.แล้ว กกต.ยังไม่ดำเนินการตามที่ตนมีความเห็น ก็หงุดหงิดและเริ่มจะมีอารมณ์


    ไม่มีใครคิดถึงหัวอกของ กกต. ที่มีกันอยู่เพียง ๕ คน ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีวันหยุด หรือเวลาพัก เรื่องที่ส่งเข้ามาเป็นร้อยเป็นพัน ทุกคนต่างคิดว่าเรื่องตนสำคัญและควรได้รับการวินิจฉัยก่อน ในขณะเดียวกัน กกต.เองถูกจับตามองว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูก


    กล่าวหาเพียงพอหรือไม่ ระยะเวลาที่กำหนดให้ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันก็ค้ำคออยู่ การพิจารณาคำร้องเรียนทุกเรื่องจึงต้องมีมาตรฐานและมีความหนักแน่นพอสมควรที่สามารถชี้แจงได้ เพราะ กกต.จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของตน ไม่เหมือนกับองค์กรภายนอกที่เสนอแล้วไม่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายในผลแห่งการกระทำนั้น


    ในส่วนของสื่อมวลชนเอง เมื่อรู้ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ก็มิได้รอช้า ต่างคนต่างรีบพยายามชิงความนำด้วยการจัดตั้งรัฐบาลกันขึ้น ต่างคนต่างผสมกันไปตามความถนัด หรือตามการคาดคะเนของตน เมื่อผสมเสร็จแล้ว ก็เริ่มมองหาตัวรัฐมนตรี ด้วยวิธีคาดเดา หรือฟังจากผู้ที่อยากเป็นรัฐมนตรี เพื่อนำมาตั้งเป็นรัฐบาลขึ้น


    สื่ออีกจำนวนหนึ่ง พากันมุ่งไปถึงนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งสอบถามความคิดเห็นของผู้คนถึงความเป็นไปได้ในนโยบายต่าง ๆ ในเชิงให้เห็นว่านโยบายเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือถึงเป็นไปได้ก็จะนำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติเป็นส่วนรวม


    ผู้ชมผู้อ่านต่างพากันคล้อยตามในแนวทางที่สื่อนำเสนอ และเกิดความรู้สึกหงุดหงิดว่ายังไม่ทันไรก็เกิดการแก่งแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกันแล้ว ส่วนในด้านนโยบายก็พากันหวั่นวิตกถึงความเป็นไปได้ และห่วงใยว่าจะมีการรักษาคำมั่นสัญญาที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองจากการปฏิบัติตามนโยบายเหล่านั้นจะมีอย่างไร บ้างก็หงุดหงิดว่าเลือกตั้งกันมาตั้งหลายวันแล้วจนสื่อมวลชนตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว ทำไมรัฐบาลจึงยังไม่เห็นทำอะไรเลย บางคนก็เลยหวั่นวิตกไปถึงอนาคตว่าถ้าหัวหน้าพรรคการเมืองที่คาดว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เกิดมีอันเป็นไป จะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนหรือไม่ แล้วจะทำอย่างไร


    สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าว ล้วนแล้วแต่นำความทุกข์และความหงุดหงิด ความไม่แน่นอนในอนาคต มาให้ทั้งสิ้น


    คงมีน้อยคนที่จะได้สติ คิดว่าสิ่งทั้งปวงนั้นเป็นเรื่องการคาดเดา หรือการดำเนินการของสื่อมวลชนที่พยายามชี้ให้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป หรืออะไรน่าจะเกิดขึ้นต่อไป


    เพราะในขณะนี้ยังไม่มีใครได้รับการประกาศให้เป็น สส. เลยสักคนเดียว


    กกต.จะให้ใบแดง กี่ใบ และแขวนกี่เขต การเลือกตั้งใหม่จะแล้วเสร็จเมื่อไร ยังไม่มีใครรู้ได้


    การจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? และเมื่อรัฐบาลยังไม่เกิดจะกำหนดนโยบายได้อย่างไร ?


    ความรู้สึกถึงการแก่งแย่งตำแหน่ง ล้วนเป็นเรื่องที่สื่อไปสอบถามผู้ที่สื่อคาดหวังว่าน่าจะอยู่ในสายตาที่จะเป็นรัฐมนตรี ซึ่งแน่ละคำตอบที่ได้รับ แต่ละคนย่อมบอกว่า ตนพร้อม และมีความสามารถที่จะเป็นได้ ถามทางโน้นที ทางนี้ที จำนวนย่อมเกินโควต้า คนชมคนอ่านจึงพลอยเกิดความรู้สึกว่า นี่ยังไม่ทันไรเลย ก็มาแย่งตำแหน่งกันเสียแล้ว


    จริงอยู่สื่อมวลชนมีหน้าที่ที่จะต้องรายงานข่าว และตรวจสอบการกระทำของนักการเมือง


    แต่สิ่งที่รายงานออกมาว่าเป็นข่าวนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง หากแต่ไปเค้นออกมาล่วงหน้าเพื่อให้เป็นข่าว


    ส่วนการตรวจสอบนั้น เป็นการตรวจสอบจากการเดาเอาว่าจะมีคนคิดทำอย่างไร หรือน่าจะทำอะไร โดยที่คนที่มีหน้าที่จะต้องทำยังคิดไม่แล้วเสร็จ หรือยังไม่ทันได้คิดถึงวิธีการที่จะทำ


    ความสับสน หงุดหงิด และอารมณ์ เหล่านี้ ทำอย่างไรจึงจะหมดไปหรือทำให้ลดน้อยถอยลง เพื่อทุกคนจะได้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติสุข ไม่ต้องหวาดผวา หรือคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา


    การจะไปห้ามคนที่มีส่วนได้เสียโดยตรงกับการเลือกตั้ง มิให้ประท้วง หรือร้องเรียน คงยาก เพราะความรู้สึกที่ว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นย่อมเกิดขึ้นได้กับคนส่วนใหญ่ที่เป็นคู่กรณีและไม่สมหวัง


    การจะห้ามสื่อมวลชนไม่ให้ทำอย่างที่ทำกันอยู่ ยิ่งเป็นเรื่องยากกว่า เพราะคงจะต้องโต้เถียงกันในหลักการ และจริยธรรม ว่าที่ถูกที่ควร ควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งเถียงกันได้ไม่มีที่สิ้นสุด หรือแม้จะถึงที่สุดได้ ก็ยากที่จะปฏิบัติตามได้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะสื่อย่อมมีเสรีภาพในการนำเสนอ และอยู่ในภาวะที่จะต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรง


    ประชาชนทั่วไปที่มิได้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงต้องหันกลับมาช่วยตัวเองเพื่อลดความสับสน ลดความหงุดหงิด และลดอารมณ์ที่คล้อยตามสถานการณ์ลง


    วิธีที่ดีที่สุดเห็นจะไม่มีอะไรเกินเลยไปจากการใช้หลักกาลามสูตรมาช่วยในการคิด หรือความเชื่อที่นำไปสู่ความสับสน หงุดหงิด หรือเกิดอารมณ์


    หลัก ๑๐ ประการของกาลามสูตร ว่าไว้ดังนี้


    (๑) อย่าเชื่อเพียงเพราะฟังตาม ๆ กันมา


    (๒) อย่าเชื่อเพราะการถือสืบ ๆ กันมา


    (๓) อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเล่าลือกันมา


    (๔) อย่าเชื่อเพราะอ้างตำราหรือคัมภีร์


    (๕) อย่าเชื่อเพราะเป็นไปตามตรรก


    (๖) อย่าเชื่อเพียงเพราะอนุมานเอาได้เช่นนั้น


    (๗) อย่าเชื่อเพียงเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล


    (๘) อย่าเชื่อเพราะเข้ากับทฤษฎีของตนพอดี


    (๙) อย่างเชื่อเพียงเพราะมองรูปลักษณะแล้วน่าเชื่อ


    (๑๐) อย่าเชื่อเพียงเพราะครูบาอาจารย์สอนสั่งมา


    ท่านสอนว่าให้เชื่อเมื่อได้พิจารณาด้วยสติและปัญญาอย่างรอบคอบแล้ว


    ถ้าพินิจพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าความสับสน หงุดหงิด และเกิดอารมณ์ ที่เป็นกันอยู่ ล้วนเกิดจากความเชื่อในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องห้ามตามหลักกาลามสูตรดังกล่าวข้างต้นข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อรวมกันทั้งสิ้น


    เมื่อเร็ว ๆ นี้ ใครก็ตามที่เห็นภาพวีดีโอทางทีวี ที่มีผู้แอบถ่ายการนับคะแนนของเขตเลือกตั้งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี แล้วนำมาแสดงให้ปรากฏต่อสาธารณชนว่ามีการทุจริตโดยแอบทำให้บัตรดีเป็นบัตรเสีย โดยในภาพที่ปรากฏในวีดีโอดังกล่าว มีสุภาพสตรี ๒ ท่าน ท่านหนึ่งกำลังคลี่บัตรจากตะกร้าดู แล้ววางไว้บนโต๊ะ ส่วนอีกท่านหนึ่งหยิบบัตรดังกล่าวคราวละปึก นำไปวางบนหัวเข่า ทำกิริยาที่เห็นในภาพชวนให้คิดว่าเป็นการกาสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงบนบัตร ในขณะที่ทำอยู่นั้น ก็พูดคุยกันไปตามปกติ มีผู้คนห้อมล้อมเดินไปมา เมื่อได้รับการบรรยายว่า สุภาพสตรีที่ทำกิริยาเหมือนกาสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไปนั้น เป็นการทำเครื่องหมายเพื่อให้บัตรดีกลายเป็นบัตรเสีย โดยแอบยกลงไปทำที่ใต้โต๊ะเพื่อไม่ให้ใครเห็น ทุกคนเห็นภาพนั้นแล้วต่างพากันเชื่อว่ามีการกระทำตามที่กล่าวหาจริง และโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านนั้นว่า กระไรเลยทำการทุจริตได้อย่างหน้าตาเฉย ดูเหมือนจะไม่มีใครเลยที่ไม่เชื่อว่ามีการทุจริตจริง เพราะเห็นกับตาจากภาพถ่ายวีดีโอ อารมณ์โกรธแค้น หงุดหงิด ย่อมเกิดขึ้นกับคนที่เห็นภาพนั้น


    อีกสองวันต่อมาความจึงปรากฏจากคำชี้แจงของผู้อำนวยการเลือกตั้ง และคุณครูนงลักษณ์ พิมพ์ปราโมทย์ ซึ่งเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนสระบุรีแก่งคอย และเป็นคนที่ปรากฏในภาพวีดีโอที่นำบัตรไปทำอะไรบนหัวเข่า ว่า การดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฏในภาพวีดีโอนั้น เป็นขั้นตอนภายหลังการนับคะแนนเสร็จแล้ว และจะต้องนำบัตรเสียมาให้กรรมการลงชื่อ ๓ คน ตะกร้าบัตรเลือกตั้งที่เจ้าหน้าที่หยิบบัตรขึ้นมานั้น เป็นบัตรเสียที่รวบรวมมาภายหลังการนับคะแนน ส่วนอาการกิริยาของคุณครูนงลักษณ์ พิมพ์ปราโมทย์ นั้น คือการลงลายมือชื่อในบัตรเลือกตั้งตามระเบียบ ของ กกต. เมื่อเมื่อยหรือเหนื่อยมากเข้า จึงนำบัตรมาวางบนหัวเข่าแล้วลงลายมือชื่อตามหน้าที่


    ถ้าเรื่องเป็นจริงอย่างที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งและคุณครูนงลักษณ์ชี้แจง คุณครูนงลักษณ์ก็เป็นคนที่น่าสงสารและควรได้รับความเห็นใจอย่างมาก และสมควรที่สังคมจะต้องขออภัยต่อเธอ เพราะต้องเหน็ดเหนื่อยมากับการปฏิบัติหน้าที่ที่มอบให้เป็นเวลาสิบ ๆ ชั่วโมง ไม่ได้หลับได้นอน แล้วกลับถูกคนกล่าวหาให้เสียหายไปทั้งเมือง (สื่อที่นำเรื่องนี้มาเผยแพร่มิได้แสดงอาการขออภัยต่อเธอในความผิดพลาดเลย)


    เมื่อเราเชื่อทันทีที่เห็นภาพ และคำบรรยายของผู้ถ่ายวีดีโอและพิธีกร อันมีลักษณะต้องห้ามของหลักกาลามสูตรดังกล่าวข้างต้น จึงไม่เพียงแต่เกิดความโกรธแค้นและความหงุดหงิดเท่านั้น แต่ยังทำให้คนดีที่เหนื่อยยากแสนเข็ญในการทำงานเพื่อส่วนรวมต้องเสียหายและเสียกำลังใจ


    ความเชื่ออะไรง่าย ๆ โดยไม่คิดไตร่ตรอง ไม่ใช้ทั้งสติและปัญญา ย่อมเป็นโทษทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้อื่น


    กับตนเองนั้นยังพอทำเนา แต่กับผู้อื่นนั้นย่อมเป็นบาปกรรม และเป็นการทำลายคนดีที่ค่อนข้างจะหายากอยู่แล้ว


    แนวคิดของผู้คนในสังคมโดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ ก็ดี การต่อสู้ชิงดีชิงเด่นกันก็ดี ผลกระทบอันเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจก็ดี นับวันแต่จะรุกล้ำเข้ามาสู่วิถีชีวิตและวิธีคิดของเรามากขึ้นทุกวัน ถ้าไม่มีหลักอะไรยึดไว้บ้าง ชีวิตเราจะเหมือนกับผักตบชวา ที่ลอยไปทางโน้นที ทางนี้ที สุดแต่กระแสจะพาไป โดยกระแสนั้นอาจเกิดจากธรรมชาติซึ่งเป็นจริง หรือเกิดจากคลื่นของเรือยนต์เป็นครั้งคราวซึ่งเป็นของปลอมก็ได้ เราจึงเสี่ยงต่อความสับสน หงุดหงิด และเกิดอารมณ์ จนหาความสุขสงบไม่ได้


    ใช้หลักกาลามสูตรมาเป็นหลักยึดให้สมกับความเป็นชาวพุทธกันเถิดครับ ชีวิตเราจะสุขสงบ และมองภาพต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงความจริงมากยิ่งขึ้น

    มีชัย ฤชุพันธุ์