ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
    มุมของมีชัย
  • ความคิดเสรีของมีชัย
  • เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
  • เรื่องสั้น
  • จดหมายถึงนาย
  •  
     
    ความคิดเสรีของมีชัย

    การสอบสวนคดีของตำรวจ

    ข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายแพทย์ที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าภรรยา ทำให้เกิดความรู้สึกงุนงงและสับสนขึ้นในสังคมที่มีต่อขบวนการยุติธรรมไม่น้อย


    บ้างก็เห็นว่าอัยการทำถูกแล้ว บ้างก็เกิดความรู้สึกเห็นใจตำรวจที่อุตส่าห์ทำคดีมาด้วยความยากลำบาก แต่กลับถูกอัยการซึ่งอ่านสำนวนเพียงไม่กี่วัน มาบอกปัดไม่ฟ้องคดีเสียง่าย ๆ


    อันที่จริงคดีนี้ เป็นคดีกล่าวหาว่ามีการฆ่าคนตาย เหมือนกับคดีอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ผู้ต้องหา และผู้ที่ถูกสงสัยว่าตาย ต่างเป็นคนมีการศึกษาดีด้วยกันทั้งคู่ ทั้งผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ที่รู้จักกันดีในแวดวงคนไข้ที่เคยมารับบริการ


    เมื่อเกิดสงสัยว่าแพทย์หญิงที่เป็นภรรยาหายไป ตำรวจจึงตั้งใจทำคดีนี้เป็นพิเศษ และที่พิเศษไปกว่าคดีอื่น ๆ ทั่วไป ก็คือ การแจ้งเบาะแสให้สื่อมวลชนทราบเป็นขั้นเป็นตอน โดยหวังว่าจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตำรวจ


    การสืบสวนได้ดำเนินไปอย่างเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชนและให้สื่อมวลชนมี”ส่วนร่วม” อย่างใกล้ชิด


    แทบจะทุกย่างก้าวในการดำเนินการหาพยานหลักฐาน สื่อมวลชนจะได้รับการบอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า เพื่อจะได้ไปคอยทำข่าว เกือบจะเหมือนกับการถ่ายทอดสด หรือการถ่ายทำภาพยนต์ ในบางครั้งถึงขนาดมีการถ่ายทอดการเจรจากันระหว่างนายตำรวจผู้ใหญ่กับผู้ถูกกล่าวหาผ่านทางโทรทัศน์ให้เห็นและได้ยินกันอย่างจุใจ


    ประชาชนจึงให้ความสนใจอย่างใจจดใจจ่อ ติดตามอย่างใกล้ชิด และใส่ใจเสมือนเป็นผู้มีส่วนได้เสียเสียเอง สื่อมวลชนบางแขนงบางทีก็เผลอไปว่าตนได้ร่วมในการสืบสวนนั้นจริงๆ


    ผู้ชมและผู้อ่านจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดให้ติดตาม ตามขั้นตอนของขบวนการสืบสวนและสอบสวนอย่างใกล้ชิด


    และถ้าตั้งสติคิดย้อนกลับไปดูด้วยใจกลาง ๆ จะทำให้สงสัยได้บ้างไหมว่า ขั้นตอนเหล่านั้นเป็นขั้นตอนตามปกติของเจ้าหน้าที่สืบสวน หรือเป็นขั้นตอนที่มีการวางหรือกำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ความสามารถของตำรวจ และเป็นหมากกลในการโน้มน้าวจิตใจผู้คนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องสงสัยได้กระทำความผิดจริง !!


    ด้วยขบวนการเป็นขั้นเป็นตอนดังกล่าว และการปล่อยข้อมูลครึ่ง ๆ กลาง ๆ เป็นระยะ ๆ ประชาชนโดยทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย จึงตัดสินคดีไปก่อนล่วงหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปสำนวนคดีเสียด้วยซ้ำไปว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิดอย่างโหดเหี้ยม


    สื่อมวลชนโดยเฉพาะทีวีบางช่อง สรุปข้อเท็จจริงได้เป็นฉาก ๆ ว่าฆาตกรรมรายนี้ได้เกิดขึ้นอย่างไร มีเหตุอะไรเป็นสิ่งจูงใจ เมื่อฆาตกรรมแล้ว ได้ดำเนินการอย่างไรกับศพ อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจ แม้จนบัดนี้ผู้ดำเนินรายการยังยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในภายหลังไม่ได้


    ใครที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา แม้เพียงเป็นคนไข้คนหนึ่ง ก็ถูกติดตามมาเปิดเผย ด้วยวิธีการอันแยบยล


    ไม่มีใครคิดกันสักนิดว่า คนเหล่านั้นเขาจะเดือดร้อน หรือเกิดปัญหาในครอบครัวของเขาอย่างไรบ้าง


    จริงอยู่เมื่อมีการอ้างว่ามีการตายเกิดขึ้น ตำรวจมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น มีการตายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อะไรเป็นสาเหตุแห่งการตาย และถ้าเป็นการตายเพราะมีคนอื่นทำให้ตาย ใครเป็นผู้กระทำ และทำด้วยวิธีใด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ตำรวจจะต้องหาพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกันให้ครบถ้วน เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมายต่อไป


    ตำรวจมีสิทธิและหน้าที่ที่จะสงสัยได้ว่าใครน่าจะเป็นผู้กระทำให้เกิดความตาย และตั้งรูปคดีตามข้อสงสัย เพื่อจะได้ควานหาพยานหลักฐานมายืนยันความสงสัยนั้น


    แต่ตราบใดที่ตำรวจยังมีแต่ความสงสัย ยังไม่สามารถหาพยานหลักฐานอันสมควร เพื่อมายืนยันความสงสัยของตนได้ ตำรวจไม่มีสิทธิเปิดเผยตัวบุคคลที่ตนสงสัย ไม่มีสิทธิเปิดเผยข้อมูลที่ยังไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน


    เพราะการกระทำเช่นนั้น เป็นการทำให้บุคคลที่ตำรวจสงสัยโดยยังไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงหรือยืนยัน ต้องเสียหายโดยไม่มีทางแก้ไขได้ ทั้งการเปิดเผยเช่นนั้นทำให้ผูกมัดตำรวจเองที่จะต้องมุ่งข้อสงสัยไปในทางนั้นแต่ทางเดียว จนเกิดความผิดพลาดได้ง่าย


    ขบวนการสืบสวนที่ทำไปพร้อม ๆ กับการเปิดเผยข้อมูลทั้งปวงให้สื่อมวลชนทราบ เพื่อทำงานควบคู่กันไป โดยตำรวจเป็นผู้บอกใบ้ให้สื่อมวลชนเชื่อมต่อพยานหลักฐานเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ โดยแท้ที่จริงไม่มีพยานหลักฐานเช่นนั้น ยิ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง


    เพราะผลที่เกิดขึ้นก็คือการสร้างภาพต่อเนื่องให้เกิดขึ้นในใจของประชาชน อันผิดไปจากความเป็นจริงหรือพยานหลักฐานที่ตนมีอยู่


    ในคดีที่เป็นปัญหาอยู่นี้ ภาพที่ปรากฏจากสำนวนตามคำแถลงของอัยการมีเพียงว่า


    ตำรวจมีพยานยืนยันว่าผู้ต้องหาไปดื่มเครื่องดื่มกับภรรยาที่ร้านแห่งหนึ่ง มีภาพจากจอทีวีวงจรปิดแสดงว่าผู้ต้องหาเดินออกมากับภรรยา มีลักษณะคล้ายประคองกัน แล้วภรรยาก็หายไป มีพยานแสดงว่าผู้ต้องหาเข้าพักที่โรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่ง และที่อาคารพักอาศัยอีกแห่งหนึ่ง ที่เป็นของมหาวิทยาลัย มีพยานยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยเดินเข้าไปพักในอาคารของมหาวิทยาลัยคนเดียว ไม่ได้ถืออะไรเข้าไป มีพยานยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยซื้อถุงดำสำหรับทิ้งขยะและเชือก ต่อมามีการดูดปฏิกูลจากบ่อเก็บของเสียที่โรงแรมและที่ที่พักดังกล่าว ได้ของที่ตำรวจอ้างว่าเป็นเนื้อมนุษย์ และเชื่อว่าเป็นเนื้อของผู้ตาย โดยมีการพิสูจน์จาก ดีเอ็นเอ แต่จนป่านนี้ก็ยังสงสัยกันอยู่ว่าจะใช่จริงหรือไม่


    แต่ภาพที่ตำรวจสร้างไว้โดยผ่านทางสื่อ กลับเป็นภาพที่เชื่อมโยง ดังนี้


    ผู้ต้องหานัดภรรยาไปที่ร้านอาหาร แล้วผสมยามึนเมาให้ภรรยาดื่ม แล้วพาเดินไปขึ้นรถ นำไปฆ่าในที่ใดที่หนึ่ง แล้วนำศพไปที่โรงแรมที่มีชื่อเพื่อแล่เนื้อบางส่วนทิ้งลงโถส้วม แล้วพาศพส่วนที่เหลือไปยังอีกสถานที่หนึ่งเพื่อแล่เนื้อต่อ แล้วทิ้งลงในโถส้วม ก่อนหน้านั้นได้ไปซื้อถุงดำสำหรับทิ้งขยะพร้อมทั้งเชือกมาเตรียมพร้อมเพื่อจะได้เก็บส่วนที่เหลือไปทิ้งในที่หนึ่งที่ใดที่ยังไม่ปรากฏ โดยมีมูลเหตุจูงใจที่จะเลิกกับภรรยาโดยไม่ต้องแบ่งทรัพย์สินให้ เพราะไปยุ่งเกี่ยวกับสตรีอื่นที่เป็นคนไข้ ที่ปล่อยข่าวไปว่าเป็นไฮโซ


    โปรดสังเกตถึงความแตกต่างของหลักฐานที่ปรากฏ กับเรื่องราวที่ปรากฏผ่านสื่อ (ในข้อความที่เป็นตัวดำและขีดเส้นใต้) รวมทั้งความเชื่อมโยงที่สร้างให้เกิดในใจคนอย่างแยบยล ว่าแตกต่างกันมากมายเพียงไร


    แม้ตามหลักฐานของตำรวจ มีเหตุอันน่าสงสัยว่าคุณหมอซึ่งเป็นภรรยาน่าจะถึงความตายแล้ว และมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ต้องหาน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการตายนั้น แต่จะตายจริงหรือไม่ ตายอย่างไร และใครทำให้ตาย นั้น ยังขาดหลักฐานที่จะเชื่อมโยงได้ จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องหาพยานหลักฐานมาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนที่จะส่งสำนวนให้อัยการ มิใช่อาศัยความรู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น อย่างที่กระทำกัน


    แม้แต่เรื่องสตรีสาวไฮโซ ที่ปล่อยเป็นข่าวออกมาในลักษณะที่กำกวม ตำรวจควรต้องตระหนักดีว่า จะทำให้ผู้คนใช้จินตนาการวาดภาพต่อเอาเอง จนเกิดความเสียหายแก่ผู้ที่ถูกอ้างถึงและครอบครัวได้อย่างรุนแรง


    ผู้คนที่ติดตามข่าวเรื่องนี้ เมื่อฟังหรืออ่านข่าว เห็นภาพ ประกอบกับการคาดคะเนของแต่ละคน จึงเป็นของธรรมดาที่จะต้องเกิดความรู้สึกเดือดพล่านในความอำมหิตของผู้ต้องหา และมองสตรีที่เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นตัวมาร


    และเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ จึงเป็นของธรรมดาที่ประชาชนย่อมจะงุนงง สงสัย


    การที่ตำรวจออกมาให้เหตุผลในเชิงขอความเห็นใจว่า ถ้าอัยการสั่งคดีแบบนี้ ต่อไปคนที่มีความรู้ไปฆ่าคนตาย ถ้าพยายามทำให้ไม่มีคนเห็นแล้ว จะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีได้


    อันที่จริงตำรวจที่พูดเช่นนั้น ย่อมรู้ดีว่าคดีที่ตำรวจจับผู้กระทำความผิดจนศาลลงโทษได้เป็นส่วนใหญ่นั้น ล้วนแต่เกิดขึ้นโดยไม่ค่อยมีใครรู้เห็นทั้งสิ้น แต่ตำรวจก็สามารถสืบสวนจนสามารถจับผู้กระทำผิดส่งฟ้องให้ศาลลงโทษได้


    แต่เหตุผลเช่นนั้นแม้จะเบาบางแต่ก็ยังพอเห็นใจ แต่เมื่อมีการปล่อยข่าว จะโดยใครก็ไม่สำคัญ ว่า อัยการรับสินบนเพื่อยุติคดีนี้ จึงเป็นการซ้ำเติมความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย


    ถ้าเป็นการกระทำของตำรวจ ก็นับเป็นการทำผิดหน้าที่ ขาดความรับผิดชอบ ขาดทั้งคุณธรรมและเมตตาธรรมที่มนุษย์พึงมี


    ในคดีอาญานั้น เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอิสระเสรีภาพและความเป็นความตายของผู้คน ขบวนการทางกฎหมายจึงกำหนดขั้นตอนไว้อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อคุ้มครองคนที่ถูกกล่าวหามิให้เสียหายโดยไม่สมควร จนกว่าศาลจะตัดสินว่าเขากระทำความผิดจริง


    คนที่ตั้งข้อสงสัยว่าอัยการไปด่วนวินิจฉัยเสียทำไม ทำไมไม่ยื่นฟ้องคดีไปก่อน เพื่อปล่อยให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย คงไม่ได้คิดว่า กว่าศาลจะตัดสินคดีต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ ถ้าไม่มีหลักฐานเบื้องต้นว่าเขากระทำความผิด จะผลักดันให้เขาต้องไปเดือดร้อนในเรื่องการถูกขังเป็นระยะเวลาอันยาวนานทำไม เคราะห์กรรมเช่นนั้น ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตนเอง ญาติพี่น้อง หรือคนใกล้ชิดแล้ว คงยากที่จะเข้าใจได้


    ใครจะจำคดีที่อาจารย์ชื่อดังจากคณะสถาปัตย์ ของมหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งหนึ่ง ถูกฟ้องคดีอาญาฐานจ้างวานใช้ฆ่าประธานศาลฎีกา ได้ไหม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังวิกฤติตุลาการ เมื่อประมาณปี ๒๕๓๖ หรือ ๒๕๓๗ คดีนั้นจนป่านนี้เจ็ดแปดปีแล้วศาลยังไม่ได้ตัดสิน ผู้ต้องหาถูกกักขังอยู่ระยะหนึ่งเป็นเวลาหลายเดือน ต่อมาจึงได้รับการประกันตัว แต่แม้จะได้รับการประกันตัวในที่สุด ชีวิตทั้งชีวิตต้องถูกเปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจเป็นพันล้านที่กระทำอยู่ล้มระเนระนาด ภรรยาซึ่งเป็นผู้พิพากษาผู้ใหญ่คนหนึ่งพร้อมทั้งลูก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่จนทุกวันนี้ ด้วยความรู้สึกว่าอัยการสั่งฟ้องคดีโดยไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่าอาจารย์ผู้นั้นกระทำความผิด ผลแห่งคดีนี้จะเป็นอย่างไรยังไม่รู้ แต่ลองนึกดูว่าถ้าศาลตัดสินว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด ใครจะชดใช้ความเสียหาย และความทุกข์ทรมานให้เขาได้


    นอกจากนั้นจะคิดบ้างไหมว่าอัยการซึ่งเป็นทนายแผ่นดิน มีหน้าที่ที่จะต้องรักษาความยุติธรรม มีหน้าที่จะต้องฟ้องคดีกับบุคคลที่มีพยานหลักฐานเบื้องต้นว่าได้กระทำความผิดเกิดขึ้น และมีหลักฐานน่าเชื่อว่าผู้ต้องหากระทำหรือมีส่วนกระทำความผิด เท่านั้น


    อัยการไม่ใช่เครื่องมือของตำรวจที่จะฟ้องคดีตามที่ตำรวจสั่ง หากแต่อัยการเป็นผู้กลั่นกรองที่จะต้องดูแลเพื่อให้ความเป็นธรรมในระดับหนึ่งด้วย การที่กฎหมายกำหนดขั้นตอนว่าเมื่อตำรวจส่งสำนวนให้อัยการ อัยการจะต้องพิจารณาสำนวนเพื่อวินิจฉัยเสียก่อนว่าจะควรสั่งฟ้องหรือไม่ ก็เพื่อให้มีการคานอำนาจกันชั้นหนึ่งก่อนที่คดีจะไปสู่ศาล หากอัยการสั่งไม่ฟ้อง ก็ใช่ว่าจะยุติ ผู้บัญชาการตำรวจยังมีอำนาจที่จะโต้แย้งได้ และเมื่อมีการโต้แย้งกันเช่นนั้น อัยการสูงสุดจึงจะเป็นผู้ชี้ขาดอีกทีหนึ่ง


    ขั้นตอนเหล่านั้น กำหนดไว้ก็เพื่อให้ความเป็นธรรม และป้องกันไม่ให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต้องถูกฟ้องคดีอาญา จนต้องเกิดความเสียหายโดยไม่จำเป็น


    ถ้าอัยการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด ตามหลักแห่งวิชาชีพของตน เกรงกลัวต่อกระแสที่ถูกสร้างขึ้น ประชาชนจะหวังพึ่งใครได้


    การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ จึงสมควรได้รับการขอบคุณจากประชาชน เพราะนอกจากจะเป็นการทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ พอไว้วางใจให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้แล้ว ยังเป็นเครื่องเตือนสติให้กับผู้อยู่ในขบวนการยุติธรรมเบื้องต้น คือ ตำรวจ ว่าจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความรอบคอบ และระมัดระวังเพียงใด


    ความเห็นในเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะรับรองความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ของใคร และไม่มีเจตนาจะซ้ำเติมใคร เพียงแต่อยากให้ขบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็นเพื่อเป็นหลักประกันความถูกต้องและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเท่าที่ควร


    ที่สำคัญอยากให้ตระหนักว่า คำว่า “โปร่งใส” ในการดำเนินการสืบสวนและสอบสวนของตำรวจนั้น มีความหมายเพียงว่าให้ทำอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่มีอยู่จริง สามารถชี้แจงต่ออัยการ ศาลและประชาชนได้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำต่อหน้าสื่อมวลชน หรือเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันให้สื่อมวลชนทราบ จนก่อให้เกิดกระแสที่สนับสนุนขึ้น เพราะบางครั้งกระแสที่สร้างขึ้นมานั้น อาจทำให้ตนเองพลอยหลงไปกับกระแสเสียเอง จนคิดไปว่าเมื่อประชาชนเชื่อเสียแล้วว่ามีการฆาตกรรมกันจริง และเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำการฆาตกรรม ก็เลยไม่ขวนขวายหาพยานหลักฐานที่ควรจะต้องมีให้ครบถ้วน


    เลิกเสียทีเถอะครับ วิธีการสืบสวนหรือสอบสวนผ่านหรือต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างที่ทำกันมา เพราะการกระทำนั้นอาจเป็นการละเมิดสิทธิของคนอื่นและอาจถูกฟ้องร้องเป็นคดีความได้ทั้งผู้กระทำและผู้เผยแพร่


    ความดังเพียงชั่ววูบวาบ บางทีก็นำพาไปสู่ความดับได้เหมือนกัน !!

    มีชัย ฤชุพันธุ์