โยคะร้อน (Bikram Yoga) เป็นการออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ สำหรับประวัติความเป็นมาของโยคะร้อนนั้นถูกคิดค้น โดย มร.บิแครม เซาดรี (Bikram Choudhury) ในปี ค.ศ. 1996 มร.บิแครม เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะชาวอินเดีย จนเป็นที่ยอมรับในฐานะปรมาจารย์ที่มีความรู้ด้านหัตถโยคะ (Hatha Yoga) มากที่สุดระดับโลกคนหนึ่ง
"โยคะร้อน" จะผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่ง สมดุล สมาธิ และ การกำหนดลงหายใจ รวมถึงช่วยยืดหยุ่น และสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อในร่างกาย นอกจากนี้ โยคะร้อนยังช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น และเนื่องจากเป็นการออกกำลังกายในห้องร้อน จึงให้ผลพลอยได้ ที่ถูกใจสาว ๆ ส่วนใหญ่ นั่นคือช่วยลดน้ำหนัก โดยในหนึ่งคลาส สามารถเผาผลาญพลังงานไปได้มากถึง 350-600 แคลอรี แถมยังช่วยล้างพิษต่างๆออกจากร่างกาย และช่วยป้องกันการบาดเจ็บ ทำให้ร่างกายยืดหยุ่นได้มากกว่าการเล่นโยคะทั่วไป และทำให้รู้สึกสดชื่นหลังการฝึก
โยคะร้อน ประกอบด้วย 26 ท่า โดยคัดเลือกมาจากท่าโยคะต่างๆหลายร้อยท่า แต่มีลักษณะพิเศษกว่าโยคะประเภทอื่นตรงที่แต่ละท่านั้นสามารถบริหารได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย เช่น มีการยืดเหยียดไปทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง สลับกัน ที่สำคัญคือ การเล่นในห้องที่มีอุณหภูมิสูงใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายในร่างกายประมาณ 36-40 องศาเซลเซียส สำหรับในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนิยมตั้งอุณหภูมิในการออกกำลังกายอยู่ที่ประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศรวมทั้งความพอใจของแต่ละผู้เล่นด้วย
สำหรับท่าในการออกกำลังกายของโยคะร้อนนั้น แต่ละท่วงท่าที่ออกแบบและคัดเลือกมา ทั้ง 26 ท่า เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มเล่นเป็นครั้งแรกหรือเคยฝึกมานานแล้วก็ตาม เพราะแต่ละท่าจะอยู่ในระดับขั้นพื้นฐาน (Beginner) ผสมผสานความยืดหยุ่น ความแข็งแกร่ง เน้นการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนหลังและหัวเข่า รวมทั้งความสมดุลเข้าไว้ด้วยกัน จึงเป็นการท้าทายให้ผู้เล่นพยายามปฏิบัติแต่ละท่าให้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งใจจดจ่ออยู่กับท่าที่กำลังปฏิบัติว่าควรเคลื่อนไหวอย่างไร ด้วยจังหวะช้าหรือเร็วขนาดไหน ถือว่าเป็นการบังคับตัวเองให้เกิดสมาธิอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ โยคะร้อนเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะของความสมดุลตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยแก้ไขด้านบุคลิกภาพ เช่น การนั่งหลังโก่งหรือห่อไหล่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่า back bend หรือการเอนตัวไปข้างหลังนั้นจะช่วยเปิดส่วนและสะโพก ดึงกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ให้ยืดเหยียด กระชับกล้ามเนื้อส่วนก้นและหน้าท้อง ในขณะเดียวกันยังช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี
อย่างไรก็ตาม การเล่นโยคะไม่ว่าจะเป็นประเภท Power Yoga Hatha Yoga หรือ Bikram Yoga ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการฝึกเหมือนกับการเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ เพื่อความพร้อมและการปรับตัวของร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงและสัดส่วนของกล้ามเนื้อให้สมดุล และก่อนการเล่นทุกครั้งควรเริ่มด้วยท่าอบอุ่นร่างกาย (wam-up) ก่อนเพื่อให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นตัว และป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ | 
