ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
  • นานาสาระ
  • คำสำคัญ
     
    กลับไปหน้า ลิสต์

     
    นานาสาระ

    คนบ้า โรคหัวใจวายตาย มะเร็งตาย เกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำงานในสมอง

    สามอย่างนี้ พบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากผลวิจัยทางสมองที่มีมากมาย ในนานาอารยะประเทศ  ทำให้เรารู้ว่า  สารเคมีในสมอง (Neurotransmitters )   มีอิทธิพลต่อร่างกาย และสมอง ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา ที่เรามักได้ยินข่าว และสังเกตรอบๆ ตัวเรา เสมอๆ 


    สารเคมีตัวที่สำคัญนี้ก็คือ  Cortisol  หากมีปริมาณไม่มากก็เป็นตัวทำให้เรากระตือรือร้นที่จะทำอะไรให้สำเร็จ แต่ถ้ามากเกินไป และนานจะเกิดความเสียหายต่อร่างกาย   ซึ่งสารตัวนี้จะหลั่งมากเมื่อ มีความเครียด โดยเกิดได้หลายสาเหตุ  ไม่ว่าจากการมองตนเองในแง่ลบ การวิตกกังวล  การบ้างาน  ไม่มีเวลาพักผ่อน  การถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ  การแก้ปัญหาไม่ตก การได้รับสิ่งที่ไม่อยากได้ การไม่ได้รับสิ่งที่อยากได้ การถูกดุด่าทุกวัน จากพ่อ แม่ ครู หรือเจ้านาย การเป็นคนเข้มงวดเกินไป การประเมินสถานะการณ์ในแง่ลบมากเกินไป  และจากพื้นฐานความคิดและประสบการณ์ของคนๆ น ฯลฯ

     

    ความผิดปกติ ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็ก (เครียดจากการเรียน  หรือบุคคลใกล้ชิด)  และผู้ใหญ่  (เครียดจากการทำงาน  ครอบครัว)    ( คือ ฆาตกรตัวจริงที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา)

     

    จากการวิจัยทางสมอง พบว่า Cortisol จะมีผลต่อการทำงานของสมอง  เช่น สมองจะรับรู้การเรียนรู้ช้าลง  , การทำงานของสมองถูกยับยั้ง ทำลายองค์ประกอบของเซลล์สมอง เช่น ใยประสาท,  จุดเชื่อมใยประสาท และเซลล์สมอง (Khalsa 1997)  ทำให้เราคิดอะไรไม่ออก   บางคนเป็นอาวไซด์เมอร์ และบางคนถึงกับเป็นโรคทางจิตประสาท เช่น คนเป็นบ้าตามท้องถนนมีมากขึ้นหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ    


    ลองสังเกตรอบๆตัวท่านดู ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ  เกิดมะเร็ง  โรคหัวใจ และภูมิแพ้,  ไซนัส SLE  รวมทั้งเกิดผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร,  ระบบไหลเวียนโลหิต,  เกิดโรคความดันโลหิต, โรคกระเพาะ   หน้าแก่  ผมหงอก   ฯลฯ  (M.Spranger  1999  : Learning& Memory  The  Brain in Action)

     

     จากประสบการณ์ที่ทำหน้าที่แพทย์ มีตัวอย่าง ที่เป็นผลจากความเครียด เช่น แม่บ้าน  จบปริญญาโทเมืองนอกไม่ได้ทำงานนอกบ้าน  แต่ดูแลบุตรชาย 3 คน ด้วยความเข้มงวดเพราะอยากให้ลูกได้ดี  เป็นเวลาสิบๆปี   สุดท้ายเป็นมะเร็งเต้านมทั้งๆ   ที่ไม่มีประวัติกรรมพันธุ์} ผ.อ.โรงเรียน หัวใจวาย ตาย   สองแล้วในรอบสอง เดือนนี้, ครูสาวที่ดุมาก  เครียดจัดและเข้มงวดกับเด็ก  ดุด่าเด็กทุกวันโดยไม่มีเหตุผล สุดท้ายเป็นมะเร็งต้องฉายแสงอยู่ในขณะนี้

     

    นักธุรกิจหญิง  เครียดจัดหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 หลังจากนั้น 3 ปี, เกิดมะเร็งเต้านม ไม่มีประวัติกรรมพันธุ์เช่นกัน, นักธุรกิจ  เป็นผู้จัดการ  ทำงานหนักมาก สุดท้าย สลบไป สามวัน ตื่นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้เป็น อาวล์ ไซด์เมอร์ ไปเลย, นักเรียน เรียนในโรงเรียนเข้มวิชาการ สอบได้คะแนนดี   เรียน/ทำการบ้านหนัก นอนดึก แต่ อายุ 17ปี ตายจากโรค SLE  (เราจะสังเกตได้ว่าคนเป็นโรค SLE จะนอนดึก ทำงานหนัก   เช่น คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ )  จะเห็นว่าความเครียดเป็นสิ่งที่เป็นภัยกับชีวิตทุกคน   และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาถ้าเราไม่ระวังตัว  เปรียบเสมือนฆาตกรที่อยู่ในตัวเรา 


    ถ้าเราไม่ระมัดระวังก็จะทำให้เราตายได้  เป็นฆาตกรตัวจริงโดยที่เราไม่รู้ตัว และเมื่อรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

     

    ทำอย่างไรไม่ให้เครียด
     1) เดินสายกลาง  รู้จักปลงตกเมื่อทำสิ่งใดดีที่สุดแล้วไม่สำเร็จ  ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง  อย่าคาด หวังสูง
     2) มีสติตลอดเวลา  สำรวจสภาพของตนเองขณะนั้นว่ามีความเครียดมาก หรือรับงานมากไปหรือไม่
     3)   ต้องแบ่งเวลาให้ตัวเอง  ในการพักผ่อน ออกกำลังกายทุกๆวันอย่างน้อย ½ - 1 ชม./วัน
     4) นั่งสมาธิ  จะทำให้สมองปลอดโปร่ง  คิดอะไร ออกมากขึ้น  เป็นอาหารสมอง  เช่นสูดหายใจลึกๆ ช้าๆ  แล้วสมองคิดตาม หรือการฝึกจิตคือการสังเกตที่หัวใจเต้นตึ๊บๆ ตลอดเวลา เอาความคิดไปจดจ่อที่หัวใจ  ตอนแรก อาจใช้มือแตะที่กลางหน้าอก แถวลิ้นปี่  แล้วตั้งใจ เอาความคิด ความรู้สึก ไปที่ปลายนิ้ว จะรู้สึกว่ามีอะไรเต้นตึ๊บๆ  แล้วค่อยๆ เอามือออก 
     5) มีจิตใจดี เมตตากรุณา รู้จักให้ผู้อื่น คิดในแง่ดี  คิดบวก  (จิตใจผ่องใสบริสุทธิ์)
     6) ไม่เข้มงวดเกินไป  ให้อะลุ้มอล่วย  รู้จักยืดหยุ่น   รู้จักให้อภัย
     7) เรียน/ทำงาน  ในสิ่งที่ตนเองชอบ
     8) ไม่วิตกกังวล ล่วงหน้ามากเกินไป
     9) มีมุมมองในการแก้ปัญหาที่กว้างขึ้น   คิดในหลาย ๆ แง่มุมและหลายๆด้าน
    10) คิดแต่เรื่องดีๆในชีวิต   ไม่คิดถึงอดีตที่มีแต่ความทุกข์
    11) เอาใจเขามาใส่ใจเรา
    12) พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าง
    13) รู้จักไว้ใจผู้อื่นในการ  มอบหมายงานให้ทำ  อย่าเหมาทำเองหมดเพราะไม่ไว้ใจใคร  หรือกลัวว่าเขาจะทำไม่ได้ดี
    14) เวลาทำงานไม่จำเป็นต้องรีบเร่งมากเกินไป
    15)  นอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
    16) ฟังเพลง  ,  เล่นดนตรี   เต้นรำ  ทำงานอดิเรกที่ชอบ เปิดเพลงฟังขณะทำงาน
    17)  กินผัก  ผลไม้  ถั่วต่าง ๆ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ของมันๆ ของทอดในน้ำมันดำ อาหารปิ้ง/ย่างไหม้ดำ  อาหารใส่สี  พริกป่น/ ถั่วป่นที่ทิ้งไว้นาน ไม่สูบบุหรี่ กินเหล้า


    ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มสาเหตุจาก  ความเครียด การทำงานหนัก เข้มงวดเกินไป ไม่มีเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย การเป็นทุกข์วิตกกังวลนานๆทางป้องกันคือ ออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง อารมณ์ดี, ไม่เครียด ไม่โกรธ หรือวิตกนาน กินผัก ผลไม้ ถั่วต่าง ๆ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ของมันๆ ของทอดในน้ำมันดำ อาหารปิ้ง/ย่างไหม้ดำ อาหารใส่สี  พริกป่น/ ถั่วป่นที่ทิ้งไว้นาน ไม่สูบบุหรี่ กินเหล้า จิตใจดี มีเมตตาต่อทุกคน มองโลกในแง่ดี นั่งสมาธิ

    พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี
    1 พฤศจิกายน 2548