ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
  • นานาสาระ
  • คำสำคัญ
     
    กลับไปหน้า ลิสต์

     
    นานาสาระ

    สุนทรภู่ กวีเอกของโลก
    สุนทรภู่ กวีเอกของโลก

    สุนทรภู่ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่บ้านกร่ำ อำเภอแกลง บิดามารดาเลิกกันตั้งแต่สุนทรภู่ยังเล็ก สุนทรภู่จึงอยู่กับมารดา เมื่อมารดาได้มาเป็นนางนมให้พระราชธิดาในกรมพระราชวังหลัง สุนทรภู่จึงติดตามมาอยู่ในพระราชวังหลังกับมารดาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สุนทรภู่ในวัยเด็กจนถึงวัยหนุ่ม ได้ศึกษาเล่าเรียนที่วัดชีประขาว หรือวัดศรีสุดารามในปัจจุบัน ซึ่งตั้งอยู่ในซอยบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อยไม่ไกลจากถนนจรัญสนิทวงศ์เท่าใดนัก สุนทรภู่ได้ศึกษาเล่าเรียนจนมีความสามารถทางด้านอักษรศาสตร์ และได้รับราชการเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ จนมีชื่อเสียงในการแต่งกลอน

    ตอนที่สุนทรภู่อยู่ในวังลักลอบได้เสียกับหญิงชาววังชื่อจัน เลยถูกกริ้วต้องเวรจำทั้งสองคน พอพ้นโทษสุนทรภู่และนางจันจึงเดินทางไปเยี่ยมพ่อที่เมืองแกลง และเนื่องจากเป็นผู้ที่มีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย จึงเริ่มแต่งกลอน เรียกว่า “นิราศเมืองแกลง" ขึ้นเป็นเรื่องแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๐ ต่อมาก็ได้แต่งงานกับนางจัน แต่กินอยู่กันได้ไม่นาน เพราะสุนทรภู่เป็นคนชอบดื่มเหล้าและเจ้าชู้ นางจันจึงทิ้งไป หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็มีเมียอีกหลายคน แต่ละคนอยู่ด้วยกันไม่นานนักก็เลิกรากันไป เมียคนที่สุนทรภู่รักมากที่สุดคือนางจัน

     

    เมื่อตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปที่พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จึงได้แต่ง นิราศพระบาท ขึ้นอีกเรื่องนับเป็นกลอนเรื่องที่ ๒ อย่างไรก็ตาม ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๑ เรื่องกินเหล้าเมายาของสุนทรภู่ จึงทำให้ตนเองนั้นตกระกำลำบาก แต่เนื่องจากเป็นผู้ที่มีฝีมือในการแต่งกลอน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ในช่วง พ.ศ. ๒๓๕๒ พระองค์โปรดปรานในตัวสุนทรภู่มาก จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร" อยู่ในกรมพระอาลักษณ์ จนกระทั่งสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสวรรคตในปี พ.ศ. ๒๓๖๗ นับว่าชีวิตของสุนทรภู่นั้นรุงโรจน์มากในรัชกาล

     

    ครั้นเมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระโอรสองค์ใหญ่ในรัชกาลที่ ๒ ได้ขึ้นเสวยราชย์ ทรงพระนามว่า " พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว" หรือรัชกาลที่ ๓ ใน พ.ศ. ๒๓๖๗ สุนทรภู่ได้กระทำผิดอย่างรุนแรงเพราะได้ไปแก้บทพระนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำต่อหน้าพระที่นั่ง พระองค์ทรงอับอายข้าราชบริพาร ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ขุนสุนทรโวหารถูกถอดยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นนามสุนทรภู่ตามเดิม

     

    สุนทรภู่ถึงคราวตกอับออกบวชที่วัดราชบูรณ์ในปี พ.ศ. ๒๓๖๗ ทำให้สุนทรภู่นั้นต้องย้ายไปหลายแห่งด้วยกัน ในที่สุดต้องสึกออกมาทำเรือขายของ ในขณะที่บวชอยู่นั้นได้เดินทางไปจังหวัดอยุธยาและเมื่อไปถึงสุพรรณบุรีได้แต่งนิราศขึ้นไว้ ตั้ง ๓- ๔ เรื่อง มีนิราศภูเขาทอง โคลงนิราศสุพรรณ นิราศวัดเจ้าฟ้า และเมื่อตอนบวชอยู่พระองค์เจ้าลักขณานุคุณพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรด สักวา อยู่เป็นประจำ ได้ทรงเมตตาสุนทรภู่ จึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และสุนทรภู่จึงได้แต่งนิราศอิเหนาขึ้นถวายพระองค์เจ้าลักขณานุคุณสิ้พระชนม์

     

    ต่อมาพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงหนังสือเรื่อง พระอภัยมณี สุนทรภู่แต่งไว้ โปรดสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อถวายอีก และพระองค์ก็ทรงเกื้อหนุนสุนทรภู่ ต่อมาครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระเจ้าน้องยาเธอของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเกื้อหนุนสุนทรภู่มาด้วยอีกผู้หนึ่งประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๔ ครั้งเมื่อสุนทรภู่ได้ตามเสด็จพระปิ่นเกล้าไปนมัสการพระปฐมเจดีย์เมืองนครปฐมสุนทรภู่จึงได้แต่งนิราศพระปฐมขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง และต่อมาถูกรับสั่งให้ไปหาสิ่งของที่เมืองเพชรบุรี สุนทรภู่จึงแต่งนิราศเมืองเพชรบุรีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายของสุนทรภู่ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดแต่งตั้งสุนทรภู่ จินตกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวัง และได้มีความสุขจนสิ้นชีวิต เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ โดยมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์บ้างนานถึงเกือบ ๗๐ ปี

    ผลงาน
    หนังสือบทกลอนที่สุนทรภู่เเต่งมีมากมาย ที่ได้ยินเเต่ชื่อเรื่องยังหาฉบับไม่พบก็มี ที่หายสาบสูญไปเเล้วไม่ได้ยินชื่อเรื่องก็มี เเต่เรื่องที่ยังมีต้นฉบับอยู่ในปัจจุบันมี ๒๔ เรื่อง คือ
    - นิราศ ๙ เรื่อง ได้เเก่ นิราศเมืองเเกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง นิราศเมืองสุพรรณ นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา นิราศพระเเท่นดงรัง นิราศพระปฐม เเละนิราศเมืองเพชรบุรี
    - นิทาน ๕ เรื่อง ได้เเก่ โคบุตร พระอภัยมณี พระไชยสุริยา ลักษณวงศ์ เเละ สิงหไตรภพ
    - สุภาษิต ๓ เรื่อง ได้เเก่ สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท เเละสุภาษิตสอนหญิง
    - บทละคร ๑ เรื่อง คือ เรื่องอภัยนุราช
    - บทเสภา ๒ เรื่อง ได้เเก่ ขุนช้างขุนเเผน ตอนกำเนิดพลายงาม เเละเรื่องพระราชพงศาวดาร
    - บทเห่กล่อม ๔ เรื่อง ได้เเก่ เห่เรื่องจับระบำ เห่เรื่องกากี เห่เรื่องพระอภัยมณี เเละเห่เรื่องโคบุตร


    1 พฤศจิกายน 2548