นายชาลี จันทนยิ่งยง ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงการประชุม ก.ล.ต.วันนี้ (10 พ.ย.) ว่า เดิมไม่ได้มีวาระพิจารณาเรื่องบริษัท กฤษดามหานคร (เคเอ็มซี) แต่เมื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน ก.ล.ต.บอกว่าจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมด้วย ก็คงจะมีการพิจารณาควบคู่กันไป เบื้องต้นก็น่าจะเป็นการขอข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุไว้แล้ว หลังจากนั้นจึงจะพิจารณาข้อมูลที่ได้มาว่ามีส่วนที่ผิดหรือไม่ แล้วก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติ

ทั้งนี้ นายธีระชัย กล่าวไว้ว่าในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ก.ล.ต. จะทำหนังสือไปถึง ธปท. เพื่อสอบถามถึงกรณีที่ ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ให้บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี มาซื้อหุ้นเคเอ็มซี ว่ามีประเด็นใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เนื่องจากที่ผ่านมาจะรับรู้ข้อมูลต่างๆ จากข่าวเป็นหลักทั่วไป จึงไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ  โดยการทำหนังสือไปถึงธปท.ก็เพื่อสอบถามว่า มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายหลักทรัพย์ โดยหากเป็นเรื่องราคาหุ้น ถ้าไม่ได้เป็นการไล่ราคา หรือสร้างราคาก็ไม่ได้มีความผิด แต่หากเป็นเรื่องการได้มาของหุ้น โดยไม่ได้รายงาน ก็อาจเป็นความผิด เนื่องจากไม่ทราบว่าโครงสร้างหุ้นภายในบริษัทเป็นอย่างไร ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน

เนื่องจากขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กำลังตรวจสอบการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้แก่บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงินกว่า 9,900 ล้านบาท ซึ่ง ธปท.ตรวจสอบพบว่า มีการนำเงินกู้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จนสร้างความเสียหายประมาณ 3,500 ล้านบาท จากหลักฐานเบื้องต้นพบว่า มีการนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายให้แก่บุคคลที่เกี่ยวพันกับนักการเมือง เกือบ 200 ล้านบาท โดยส่วนแรกนำไปซื้อแคชเชียร์เช็คจ่ายให้ลูกนักการเมืองใหญ่ จำนวน 26 ล้านบาท แต่มีการยกเลิกภายในวันเดียวกัน ส่วนที่สองจ่ายเป็นเช็คให้แก่บิดานักการเมืองกว่า 150 ล้านบาท และมีการนำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนซึ่งจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้น (วอร์แรนท์) ของเคเอ็มซีประมาณ 10 ล้านหุ้น

ทำให้ก.ล.ต.จำเป็นต้องเข้าตรวจสอบว่า การที่บิดานักการเมืองได้รับเงินกู้ 150 ล้านบาท แล้วกลับมาซื้อหุ้นเคเอ็มซีนั้น เข้าข่ายการถือหุ้นแทนผู้บริหาร (นอมินี) หรือไม่ เนื่องจากตามมาตรา 59 พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 บัญญัติให้กรรมการ ผู้จัดการ ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารตามที่สำนักงาน ก.ล.ต.กำหนด และผู้สอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนจัดทำและเปิดเผยรายงานการถือครองหลักทรัพย์ (หุ้น) ของตน และคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งถือหลักทรัพย์ในขณะนั้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ดังกล่าวต่อสำนักงาน ก.ล.ต.